วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การดูแลรักษาสุนัข



การตัดแต่งขนให้สุนัข
การตัดแต่งขนให้สุนัขไม่เพียงแค่เป็นการรักษาความสะอาด หรือช่วยให้สุนัขของคุณดูดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงการดูแลเอาใจใส่ที่คุณมีให้แก่สุนัขที่คุณรัก และเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันอีกด้วย ความต้องการในการตัดขนนั้นมากน้อยขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ สำหรับสุนัขบางพันธุ์ที่มีขนฟู เช่น พุดเดิ้ล ควรให้มืออาชีพดูแลเรื่องการตัดขนให้เพื่อความสวยงามและที่สำคัญคุณควรตรวจสอบหู ฟัน ผิวหนัง อุ้งเท้า และเล็บของสุนัขอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีของสุนัขของคุณ
 
การแปรงและหวีขน
สุนัขส่วนใหญ่ชื่นชอบการแปรงและหวีขน โดยคุณควรจับผิวหนังของสุนัขด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างในการแปรง จะช่วยให้ไม่ดึงผิวหนังเวลาแปรง
  • สุนัขที่มีขนสั้นควรได้รับการแปรงขนสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง โดยใช้แปรงที่มมีขนแปรงอ่อนนุ่ม แปรงยาง ถุงมือแปรงขน หรือหวีซีละเอียด
  • ควรแปรงขนสุนัขที่มีขนยาวปานกลาง ขนดก หรือ ขนหยิกบ่อยๆ โดยใช้แปรงหัวหมุดหรือหวีซี่ห่าง
  • สุนัขที่มีขนยาวจำเป็นต้องได้รับการแปรงขนทุกวัน โดยใช้แปรงที่มีขนแปรงอ่อนนุ่มหรือหวีซี่ห่าง ส่วนสุนัขที่มีขนพันกันรุงรัง ให้ใช้หวีสางขนช่วย นอกจากนี้การตัดขนสัปดาห์ละหลายๆครั้งยังจะช่วยป้องกันไม่ให้พันกันมากเกินไป
  • สำหรับสุนัขพันธุ์เทอร์ จำเป็นต้องมีการถอนขนออกเสียบ้าง เพื่อกำจัดขนที่หมดอายุออกและช่วยให้ขนเป็นรูปทรงมากขึ้น
 
การอาบน้ำให้สุนัข
  • ควรอาบน้ำให้สุนัขเท่าที่จำเป็นเท่านั้น การอาบน้ำบ่อยเกินไปจะทำให้น้ำมันเคลือบผิวสุนัขหายไป และจะทำให้ผิวสุนัขแห้ง
  • ควรใช้แชมพูอาบน้ำสำหรับสุนัขที่มีคุณภาพ และใช้น้ำสะอาดล้างออกให้เกลี้ยง เนื่องจากคราบแชมพูที่ตกค้างอาจทำให้ผิวของสุนัขระคายเคืองได้
 
การดูแลดวงตาและหู
ในระหว่างการตัดขนให้สุนัข ควรทำการตรวจดูร่างกายของสุนัขคุณไปด้วย โดยเฉพาะดวงตาและหู
  • หากสุนัขของคุณมีขี้ตาเยอะ (สัตวแพทย์จะเป็นผู้บอกได้) ให้เช็ดตาทุกวันด้วยสำลีชุบน้ำ
  • ควรตัดเล็บขนบริเวณหูที่ยาวเกินไปจนมาปิดกั้นลมไม่ให้ผ่านเข้าไปในหูได้
 
การดูแลสุขภาพช่องปากของสุนัข
การดุแลสุขภาพช่องปากของสุนัขเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะคราบแบคทีเรียซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นฟิล์มเหนียวไร้สีจะสะสมบนฟันของสุนัข ทำให้เกิดคราบหินปูนและอาจจะทำให้เกิดโรคในช่องปากได้ เพราะหินปูนอุดมไปด้วยแบคทีเรีย ซึ่งจะทำลายทั้งเยื่อเหงือกและรากฟัน หากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้เหงือกร่น และฟันหักได้ในทีสุด นอกจากนี้ โรคในช่องปากยังอาจเป็นจุดเริ่มต้นของโรคอื่นๆอย่างที่คาดไม่ถึง เช่น โรคหัวใจ โรคตับ หรือโรคระบบทางเดินหายใจ ดังนั้น ควรให้สุนัขของคุณเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำทุกปีจากสัตวแพทย์ ซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคภายในช่องปากของสุนัข ในระหว่างที่ยังไม่ถึงเวลาไปพบสัตวแพทย์ก็มีวิธีง่ายๆทึคุณใช้ในการรักษาความสะอาดและบริหารฟันของสุนัขของคุณได้เช่นกัน
  • หาสิ่งของให้สุนัขของคุณได้เคี้ยวเล่น เพื่อช่วนในการขูดลอกเอาคราบแบคทีเรียออก ซึ่งเป็นการป้องกันคราบหินปูนสะสม และการให้อาหารสุนัขแบบเม็ดก็สามาระช่วยลดปัญหาการสะสมแบคทีเรียได้
  • แปรงฟันให้สุนัขของคุณอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง โดยเริ่มจากใช้นิ้วมือนวดฟันและเหงือกอย่างนุ่มนวลจนกว่าสุนัขจะชินกับการถูกจับปาก หลังจากนั้นให้ทำความสะอาดด้านหน้าของฟันโดยใช้ผ้าพันแผลตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม หลังจากสุนัขของคุณชินกับการแปรงด้วยวิธีนี้ ให้เปลี่ยนไปใช้แปรงสีฟันสำหรับสัตว์เลี้ยงหรือแปรงสีฟันสำหรับเด็ก ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแปรงฟันให้สุนัข
การดูแลรักษาฟันอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งที่คุณควรจะทำให้แก่สุนัขของคุณเป็นประจำ และที่สำคัญควรให้เค้าได้รับตรวจสุขภาพช่องปากเพิ่มเติมจากสัตวแพทย์อย่างสม่ำเสมอด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น